
นักกฎหมายชื่อดัง แบ็ก ซอง-มุน เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 52 ปี หลังต่อสู้กับโรคร้าย
วงการบันเทิงเกาหลีเศร้าสลด หลังทราบข่าวการจากไปของทนายความ แบ็ก ซอง-มุน ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะสามีของนักข่าวสาว คิม ซอน-ยอง และเป็นวิทยากรรายการวิเคราะห์ข่าวชื่อดัง
คุณแบ็กจากไปด้วยวัย 52 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน โดยเสียชีวิตเมื่อเวลา 02:08 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม ที่โรงพยาบาลโซล เนชั่นแนล ยูนิเวอร์ซิตี
ก่อนหน้านี้ คุณแบ็กเคยโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเนื่องในวันเกิดของเขาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า "แม้จะมีความกลัวว่าจะมาไม่ถึงวันเกิดปีนี้ แต่ผมก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ ผมจะเอาชนะมันด้วยความหวัง กำลังใจ และคำอธิษฐานจากคนอันเป็นที่รัก"
เขายังได้กล่าวถึงภรรยาอันเป็นที่รักว่า "เราสองคนจะสู้ไปด้วยกัน ผมขอโทษ ขอบคุณ และผมมีความสุขและรักคุณมาก ผมจะเอาชนะมันให้ได้"
คุณแบ็กยังเคยโพสต์ภาพตนเองได้รับของขวัญเป็นชุดกีฬายูนิฟอร์ม พร้อมข้อความว่า "ผมจะกลับไปเจอกับคุณคิม (ภรรยา) ที่สนามเบสบอลในเร็วๆ นี้ ผมขอบคุณมาก และผมจะไม่เพียงแค่สู้ แต่ผมจะชนะให้ได้!!" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหวังและการไม่ยอมแพ้แม้จะอยู่ในช่วงต่อสู้กับโรคร้าย
คุณแบ็ก ซอง-มุน เกิดที่กรุงโซล จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคเรีย คณะนิติศาสตร์ และเริ่มทำงานเป็นทนายความอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2010 หลังจากสอบผ่านการทดสอบเนติบัณฑิตครั้งที่ 49 ในปี 2007 เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านคดีอาญา และได้ปรากฏตัวในรายการวิเคราะห์ข่าวหลายรายการ เช่น '사건반장' และ '뉴스파이터' เพื่ออธิบายปัญหาทางกฎหมายและสังคมให้แก่ประชาชน
คุณแบ็กตั้งใจที่จะสื่อสารข้อความ "เราจะเดินไปด้วยกัน" ผ่านรายการต่างๆ และแม้จะอยู่ในช่วงต่อสู้กับโรคร้าย แต่เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความหวังแก่ครอบครัวและผู้ชม ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่หลายคน
อย่างไรก็ตาม การที่ข้อความ "ผมจะไม่เพียงแค่สู้ แต่ผมจะชนะให้ได้!!" ของเขาไม่เป็นจริง ทำให้หลายคนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
พิธีศพของคุณแบ็กจัดขึ้นที่โรงพยาบาลโซล อาสาน ยูนิเวอร์ซิตี โดยมีภรรยา คิม ซอน-ยอง เป็นเจ้าภาพ
พิธีฌาปนกิจจะมีขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน เวลา 07:00 น. ณ สุสานยงอิน ออเนอร์สโตน
ชาวเน็ตเกาหลีต่างแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของคุณแบ็ก หลายคนแสดงความเห็นว่า "เป็นข่าวที่น่าเศร้ามาก ขอให้ไปสู่สุคติครับ" และ "เขาเป็นคนดีที่อธิบายเรื่องยากๆ ได้อย่างเข้าใจง่ายเสมอ น่าเสียดายจริงๆ"