บทเพลงแห่งชัยชนะ: 10 เพลงฮิตของศิลปินผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความเจ็บป่วย!

รายการ KBS Joy ‘이십세기 힛-트쏭’ (20th Century Hit Song) ตอนที่ 287 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ได้นำเสนอเรื่องราวสุดประทับใจภายใต้หัวข้อ ‘กลับมาร้องเพลงอีกครั้ง! นักร้องฮิตที่เอาชนะความเจ็บปวด’ โดยเน้นไปที่เพลงฮิตของศิลปินตำนานที่กลับมาบนเวทีอีกครั้งหลังเอาชนะอุปสรรคต่างๆ

ตลอดรายการ ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังของแต่ละอันดับ ตั้งแต่อันดับ 9 ถึง 1 ซึ่งเกี่ยวกับประสบการณ์การต่อสู้กับโรคร้ายและการเอาชนะของศิลปินแต่ละคน สร้างความซาบซึ้งแก่สตูดิโอเป็นอย่างมาก

อันดับ 9 คือเพลง ‘Heaven’ ของ คิมฮยอน-ซอง (Kim Hyun-sung) เพลงนี้โดดเด่นด้วยเสียงร้องอันไพเราะที่สามารถทะยานสู่โน้ตเสียงสูงได้อย่างน่าทึ่ง และเป็นเพลงฮิตที่ทำให้ คิมฮยอน-ซอง กลายเป็นดาวดังหลังจากเผชิญกับภาวะซึมเศร้า เขาเคยยืนกรานที่จะร้องสดทุกการแสดง และร้องเพลงนี้มากถึง 20 ครั้งต่อวัน จนเกิดอาการเส้นเสียงอักเสบ แต่ด้วยการฝึกหายใจและการฟื้นฟูเส้นเสียงวันละ 3-4 ชั่วโมง เขาก็สามารถฟื้นฟูเสียงได้ถึง 85% และกลับมาปล่อยเพลงใหม่ในรอบ 15 ปีได้สำเร็จ คิมฮี-ชอล (Kim Hee-chul) กล่าวด้วยความเห็นใจว่า “บางคนมองว่าเส้นเสียงอักเสบเป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่การผ่าตัดอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไป ซึ่งอาจหมายถึงจุดจบของอาชีพนักร้องเลยก็ได้”

อันดับ 8 คือเพลง ‘사람이 꽃보다 아름다워’ (A Person is More Beautiful Than a Flower) ของ อันชี-ฮวาน (An Chi-hwan) เพลงนี้ดัดแปลงมาจากบทกวีของ จองจี-วอน (Jeong Ji-won) และได้รับความนิยมอย่างสูงจากการเรียบเรียงในสไตล์ที่สดใสของ อันชี-ฮวาน แม้เขาจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 และต้องเข้ารับการฉายรังสี เคมีบำบัด และผ่าตัดนานถึง 1 ปี แต่เขาก็ไม่เคยหยุดแต่งเพลง และได้รับการยืนยันว่าหายขาดในอีก 5 ปีต่อมา

อันดับ 7 คือเพลง ‘난 널 원해’ (I Want You) ของ ดรังเคน ไทเกอร์ (Drunken Tiger) ไทเกอร์ เจเค (Tiger JK) ต้องเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อรักษาอาการอัมพาตครึ่งซีกและโรคไขสันหลังอักเสบ โดยมีภรรยา ยุนมิ-แร (Yoon Mi-rae) คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือในการเอาชนะโรคร้าย

อันดับ 6 คือเพลง ‘Festival’ ของ ออมจอง-ฮวา (Uhm Jung-hwa) เพลงนี้ฮิตติดหูคนทั่วประเทศด้วยจังหวะที่สนุกสนานและเนื้อหาที่สดใส แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ นอกจากนี้ระหว่างการผ่าตัดยังส่งผลกระทบต่อเส้นเสียง ทำให้เธอไม่สามารถพูดได้นานถึง 8 เดือน แต่ ออมจอง-ฮวา ก็ยอมรับในเสียงที่เปลี่ยนไป และกลับคืนสู่เวทีอีกครั้งหลังจากการฟื้นฟูและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 5 คือเพลง ‘비정’ (Unusual) ของ คิมคยอง-โฮ (Kim Kyung-ho) เพลงร็อคบัลลาดที่มีทำนองเปียโนอันเศร้าสร้อย ได้ซ่อนเรื่องราวการต่อสู้กับอาการกระดูกหัวสะโพกตายจากการขาดเลือด แม้จะมีความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขาก็ยังคงขึ้นแสดงบนเวที หลังจากการแสดงที่ญี่ปุ่น เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่เพื่อเชื่อมต่อกระดูกอ่อน 21 เส้น และส่งผลให้ส่วนสูงลดลง 2 ซม. คิมฮี-ชอล ซึ่งเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกระดูกสะโพกหัก กล่าวด้วยความเข้าใจว่า “ของผมก็พังไปหมดจนส่วนสูงลดลงเหมือนกันครับ”

อันดับ 4 คือเพลง ‘타잔’ (Tarzan) ของ ยุนโด-ฮยอน (Yoon Do-hyun) เพลงร็อคที่ถ่ายทอดความฝันและวัยเด็กของเขา ยุนโด-ฮยอน ได้รับการยืนยันว่าหายขาดจากมะเร็งหลังจากต่อสู้มา 3 ปี แม้ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาก็ยังคงทำงานในวงการบันเทิงและเป็นดีเจวิทยุ ยกเว้นช่วงเวลาที่ต้องรักษาตัว

อันดับ 3 คือเพลง ‘디스코왕’ (Disco King) ของ โทโยแท (Toyotae) โดย แบกกา (Baekga) ได้เปิดเผยเรื่องราวการตรวจพบเนื้องอกในสมองหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่บริการสาธารณะ และต้องทนทุกข์ทรมานจากการผ่าตัดใหญ่ 8 ชั่วโมง

อันดับ 2 คือเพลง ‘상록수’ (Evergreen) ของ ยังฮี-อึน (Yang Hee-eun) เพลงที่โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่สื่อถึงความหวังและชีวิตชีวา พร้อมเสียงร้องอันทรงพลัง ยังฮี-อึน เคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้ายเมื่ออายุประมาณ 30 ปี แม้จะมีโอกาสรอดเพียง 11% แต่เธอก็ผ่านการผ่าตัดและฟื้นฟูจนสามารถกลับมาเป็นดีเจวิทยุของ KBS ได้

อันดับ 1 คือเพลง ‘Don't Cry’ ของ เดอะ ครอส (The Cross) เพลงนี้ขึ้นชื่อเรื่องเสียงร้องแหบพร่าและเสียงสูงที่เป็นเอกลักษณ์ เบื้องหลังเพลงนี้คือเรื่องราวการเอาชนะอันน่าทึ่งของ คิมฮยอก-กอน (Kim Hyuk-geon) หลังประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์จนเป็นอัมพาตทั้งตัว เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดนาน 11 ชั่วโมง โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเสียสละจากพ่อและสมาชิกวง อีชิ-ฮา (Lee Si-ha) เรื่องราวของเขาที่สามารถร้องเพลง ‘Don't Cry’ ด้วยเสียงต้นฉบับได้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์ช่วยการหายใจแบบท้อง ทำให้สตูดิโอเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

แฟนๆ ชาวเน็ตเกาหลีต่างแสดงความคิดเห็นชื่นชมความเข้มแข็งของศิลปินเหล่านี้ พวกเขาบอกว่า "เห็นแล้วน้ำตาไหลเลย" และ "เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเรามากๆ" บางคนยังเสริมว่า "นี่แหละคือความหมายของคำว่ามืออาชีพ"