ทายาท 'ชินจอนต๊อกบกกี' ปัดข่าวลือ 'เศรษฐีไอดอล' ยันชัด! ไม่ได้เส้นสาย แต่ใช้ความสามารถล้วนๆ

Article Image

ทายาท 'ชินจอนต๊อกบกกี' ปัดข่าวลือ 'เศรษฐีไอดอล' ยันชัด! ไม่ได้เส้นสาย แต่ใช้ความสามารถล้วนๆ

Hyunwoo Lee · 2 พฤศจิกายน 2568 เวลา 0:56

ฮา มิน-กี เด็กฝึกหัดไอดอล ที่เคยตกเป็นข่าวว่าเป็น 'ทายาทชินจอนต๊อกบกกี รุ่นที่ 3' ได้ออกมาเคลียร์ประเด็นดราม่า 'เศรษฐีไอดอล' ด้วยตัวเอง

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม มีการเผยแพร่วิดีโอในช่อง 'One Mike' ชื่อตอน "'เศรษฐีไอดอล' ที่สั่นสะเทือนข่าว.. หลานผู้ก่อตั้ง 'ชินจอนต๊อกบกกี' เผยโฉมครั้งแรก" ในช่วงก่อนหน้านี้ โมเดนเบอรี่ โคเรีย ได้เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเปิดตัวบอยแกรนด์กรุ๊ปใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 และได้ปล่อยภาพของเด็กฝึกหัด ฮา มิน-กี ออกมา แต่ข่าวที่ว่าฮา มิน-กี เป็นหลานของผู้ก่อตั้ง 'ชินจอนต๊อกบกกี' ได้กลายเป็นประเด็นร้อน

แม้จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุของ ฮา มิน-กี ที่เกิดปี 2007 ว่าไม่ตรงกับประธาน ฮา ซอง-โฮ ที่เกิดปี 1977 แต่ทางต้นสังกัดได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า "ความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับ ฮา ซอง-โฮ คือ 'หลานชาย'" และได้ยืนยันจาก ฮา มิน-กี ว่า "มีคุณย่าสองท่านที่เป็นผู้ก่อตั้ง ไม่ใช่แค่ ฮา ซอง-โฮ เพียงคนเดียว" ชี้แจงว่า "เป็นหลานของผู้ก่อตั้ง แต่ไม่ใช่หลานของประธาน ฮา ซอง-โฮ"

ฮา มิน-กี กล่าวว่า "ผมตกใจมากครับที่ข่าวออกมาเยอะขนาดนี้ เพื่อนๆ ก็ถามเยอะว่า 'นายกำลังจะเดบิวต์เหรอ?' ทำให้ผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นและกังวลกับอนาคต" เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า "'ชินจอนต๊อกบกกี' คุณย่าของผมเป็นคนแรกที่ทำขึ้นมา ตอนนี้คุณลุงของผมเป็นประธานอยู่ครับ (ครอบครัว) อยู่กันอย่างดี ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ครับ"

เขายังเล่าถึงปฏิกิริยาของครอบครัวว่า "คุณย่าเป็นผู้ก่อตั้ง พอผมเด็กๆ ก็อยู่ด้วยกัน กินข้าวที่คุณย่าทำ ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่กับคุณย่าครับ คุณย่าเคยบอกว่า 'ไม่เรียนหนังสือ ทำไมเลือกทางที่ลำบาก' บอกว่าการเรียนเป็นเรื่องง่ายที่สุด แต่พอเห็นผมตอนนี้ ท่านก็บอกว่า 'ก็ไม่แน่เหมือนกัน' ท่านบอกให้ถ่อมตัวเสมอครับ"

ฮา มิน-กี เปิดเผยว่า "ตอนแรกบริษัทก็ไม่รู้เรื่อง 'ทายาทชินจอนต๊อกบกกี รุ่นที่ 3' ครับ" เขาเสริมว่า "พวกเขาประหลาดใจมาก แต่ก็ดีใจและตั้งตารอ ผมเลยตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อตอบสนองความคาดหวังนั้นครับ"

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกระแส 'เศรษฐีไอดอล' ฮา มิน-กี กล่าวว่า "ผมไม่ได้เป็นเศรษฐี พ่อแม่ของผมเป็นเศรษฐี ผมเลยไม่คิดแบบนั้นครับ" เขาเล่าว่า "พ่อแม่ของผมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ไปตลาด เดินเล่น ผมก็ชอบทำแบบนั้น ชอบไปสวนสาธารณะ เล่นว่าว เล่นสกู๊ตเตอร์ล้มแบบเด็กๆ ทั่วไป จนถึง ป.6 ผมก็ไม่รู้เรื่องครับ ใช้ชีวิตปกติ จนวันหนึ่งเจอเสื้อยืดของพนักงานที่บ้าน เลยถามพ่อ พ่อก็อธิบายให้ฟัง พอรู้แล้ว ผมก็คิดว่า 'ต้องไม่ทำอะไรผิดพลาด' 'ต้องไม่ทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียง' ครับ"

เขาเล่าต่อว่า "จริงๆ แล้ว ผมไม่รู้เรื่องจนถึง ป.6 ครับ ใช้ชีวิตแบบธรรมดามาตลอด จนเจอเสื้อยืดพนักงานที่บ้าน เลยถามพ่อ พ่อก็อธิบายให้ฟัง พอรู้แล้ว ผมก็คิดว่า 'ต้องไม่ทำอะไรผิดพลาด' 'ต้องไม่ทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียง' ครับ" เขาเล่าต่อว่า "พ่อบอกว่า 'ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด' 'ใช้ชีวิตในโรงเรียนให้เงียบๆ คบเพื่อนให้ดี เราเป็นแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าพิเศษอะไร ต้องผ่านความยากลำบากเหมือนคนอื่น' เขาไม่ค่อยชมผมว่า 'เก่ง' ครับ"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับฉายา '떡ซูจี' (ทายาทต๊อกบกกี) เขาตอบว่า "อยากได้รับการยอมรับว่าเป็น 'ไอดอลที่มีความสามารถ' มากกว่าครับ" เขาเสริมว่า "ตอนเห็นคอมเมนต์ว่า 'ถ้าเป็นเศรษฐีไอดอล ก็ต้องใช้เงินซื้อตำแหน่งสิ' ผมอยากจะบอกว่าไม่จริงเลยครับ ผมไม่เคยใช้เงินเพื่อเข้ามาในวงการนี้เลย" เขาอธิบายว่า "ผมเคยใช้เงินแค่ค่าลงเรียนเสริม นอกนั้น ผมหาข้อมูลออดิชั่นเอง ถ่ายรูปเอง ผมทำทุกอย่างด้วยตัวเอง" เขาบอกว่า "ผมออดิชั่นไปประมาณ 200 ครั้งครับ ผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง แต่การทำซ้ำๆ ทำให้ผมพัฒนาทั้งฝีมือและสภาพจิตใจเหมือนกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นครับ"

เมื่อถามถึงปฏิกิริยาของครอบครัวตอนที่บอกว่าจะเป็นไอดอล เขาบอกว่า "ผมพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อตั้งแต่ ม.3 ครับ ประมาณเดือนหนึ่ง" เขาอธิบายว่า "พ่อแม่ไม่ได้อยากให้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ผมบอกว่า ผมจะพยายามให้เต็มที่ แม้จะไม่สำเร็จ ก็จะไม่เสียใจทีหลัง พ่อแม่เลยยอมครับ"

ฮา มิน-กี ยังเล่าว่าเขาลาออกจากโรงเรียนมัธยมเพื่อมุ่งสู่การเป็นไอดอล "ตอนแรกผมไปเรียนพิเศษที่แทกู เลยได้ไปออดิชั่น เลยต้องไปโรงเรียนศิลปะ พอไปเรียนที่ SM Universe ซึ่งเหมือนโรงเรียนที่ SM สร้างขึ้นมา ผมเลยต้องลาออกจากโรงเรียนศิลปะ และสอบเทียบปีต่อมา" เขากล่าวว่า "ผมย้ายมาอยู่โซลคนเดียว เรียนรู้ชีวิตและโลกภายนอก" เขาเสริมว่า "เพราะผมลาออกจากโรงเรียน เลยรู้สึกมีความรับผิดชอบ ต้องพยายามมากกว่าคนอื่น 2-3 เท่า ฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน ทำงานหนักแต่เช้าจนดึก"

คำแนะนำที่คุณย่าให้คือ "อย่าท้อถอย โลกนี้โหดร้าย ทำอะไรก็ลำบาก อย่าท้อ" และ "เพราะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ต้องไม่ทำให้แบรนด์เสียหาย และถึงแม้จะมีคนอิจฉาหรือตำหนิ ก็อย่าไปสนใจ ให้มุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อคนที่คอยสนับสนุน"

เขากล่าวปิดท้ายว่า "พอมาอยู่ที่บริษัทนี้ ตอนแรกมีเด็กๆ มารวมตัวกัน ตัวสูง ความสามารถดี หน้าตาดีเหมือนบริษัทอื่นๆ ผมคิดว่า 'ลองดูได้' บริษัทก็อยากให้เดบิวต์เร็วๆ เลยรีบเซ็นสัญญาและเตรียมตัวครับ มีกำหนดเดบิวต์ในช่วงครึ่งหลังหรือครึ่งแรกของปีหน้า ผมจะเตรียมตัวให้ดี และจะกลับมาพร้อมเพลงดีๆ และฝีมือที่ยอดเยี่ยมครับ"

Photo Credit: Modenberry Korea, One Mike

ชาวเน็ตเกาหลีแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บ้างก็ตำหนิว่าเป็น 'เศรษฐีไอดอล' ที่ใช้เส้นสาย แต่หลายคนก็ชื่นชมในความพยายามของเขาที่พิสูจน์ตัวเองด้วยการออดิชั่นกว่า 200 ครั้ง และมองว่าเป็นแรงบันดาลใจในการต่อสู้เพื่อความฝัน.

#Ha Min-gi #Ha Sung-ho #Shinjeon Tteokbokki #Modenberry Korea