
อดีตกองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ 'อี ชอน-ซู' โดนแจ้งจับคดีฉ้อโกงกว่า 100 ล้านวอน
อี ชอน-ซู อดีตนักฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้ กำลังเผชิญข้อกล่าวหาฉ้อโกงเป็นเงินหลายร้อยล้านวอน หลังมีผู้ยื่นฟ้องต่อตำรวจ
กรมตำรวจมณฑลเชจู ได้รับคำร้องทุกข์และเริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาฉ้อโกงภายใต้กฎหมายว่าด้วยการลงโทษพิเศษเกี่ยวกับการกระทำผิดทางเศรษฐกิจ การฉ้อโกง โดยในคำร้องระบุถึงการยืมเงินเป็นค่าครองชีพและข้อเสนอชักชวนให้ลงทุนใน 'ตราสารอนุพันธ์อัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ'
ผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ อี ชอน-ซู มานาน อ้างว่าในปี 2018 เขาได้รับการร้องขอจาก อี ชอน-ซู ให้ 'ยืมเงินค่าครองชีพ เนื่องจากไม่มีรายได้ และจะคืนให้ภายในสิ้นปี 2023'
ผู้ร้องเรียนได้โอนเงินรวม 132 ล้านวอน ผ่านบัญชีภรรยาของ อี ชอน-ซู เป็นจำนวน 9 ครั้ง จนถึงเดือนเมษายน 2021 แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ขาดการติดต่อไป และการชำระคืนก็ยังไม่เกิดขึ้นตามกำหนดเวลา
นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับการถูกชักชวนให้ลงทุน 500 ล้านวอน ใน 'เว็บไซต์ตราสารอนุพันธ์อัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ' ของคนรู้จัก ในช่วงเดือนเมษายน 2021 ซึ่งผู้ร้องเรียนได้โอนเงินไป แต่สามารถได้คืนมาเพียงบางส่วน (ประมาณ 160 ล้านวอน) เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทาง อี ชอน-ซู ได้โต้แย้งว่า 'ได้รับเงินจริง แต่ตอนนั้นอีกฝ่ายให้มาเพื่อใช้ ไม่ใช่การยืม' และปฏิเสธเจตนาหลอกลวง พร้อมทั้งระบุว่า 'มีความตั้งใจที่จะคืนเงิน' ขณะที่ข้อกล่าวหาเรื่องการชักชวนลงทุนในตราสารอนุพันธ์ต่างประเทศนั้น ถูกปฏิเสธว่า 'ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง'
ท้ายที่สุด ปัญหาดังกล่าวตกมาอยู่ที่ประเด็นเรื่องเงินทองระหว่างทั้งสองฝ่าย ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอ้างอิงจากคำให้การของทั้งสองฝ่ายและข้อมูลกระแสเงินสด ประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะเป็นจุดตัดสินคือ 'ช่วงเวลาที่สัญญาว่าจะคืนเงินค่าครองชีพ รายละเอียดการโอนเงิน และช่วงเวลาที่ขาดการติดต่อไป' รวมถึงการมีอยู่ของการชักชวนลงทุนในตราสารอนุพันธ์ และการแบ่งผลตอบแทนจริง
อนึ่ง อี ชอน-ซู เคยกล่าวถึงแผนการทำงานด้านสื่อ การดำเนินงานช่อง YouTube และการจัดโรงเรียนสอนฟุตบอลหลังจากการเลิกเล่น การตัดสินทางกฎหมายเกี่ยวกับลักษณะทางการเงิน (การให้โดยเสน่หา-เงินกู้ยืม) และการมีอยู่และการปฏิบัติตามข้อตกลงการคืนเงิน จะเป็นตัวกำหนดความรับผิดทางกฎหมายในอนาคต โดยไม่เกี่ยวข้องกับผลการสอบสวน
ชาวเน็ตเกาหลีแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางส่วนตำหนิอี ชอน-ซู ว่าไม่ควรให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ในขณะที่บางส่วนก็รอฟังความจริงจากทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสิน