
ข่าวลือสะพัด! สัญญาณปลดล็อก 'จำกัดเกาหลี' ในจีน? แฟน K-Pop ลุ้นเฮ
เมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา ในงานเลี้ยงต้อนรับการประชุม APEC ประธานาธิบดีลี แจ-มยอง ได้กล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เกี่ยวกับผีเสื้อที่บินออกมาจากเครื่องทำความเย็นว่า “ปกติผีเสื้อจะบินเงียบๆ แต่ผีเสื้อตัวนี้มีเสียง ผมหวังว่าปีหน้าเราจะได้เห็นผีเสื้อจริงๆ” ประธานาธิบดีสี ตอบว่า “บางทีเราอาจจะต้องสร้างผีเสื้อที่ร้องเพลงก็ได้”
หลังจากนั้น ประธานาธิบดีสี ได้เล่าถึงบทสนทนากับประธานาธิบดีลี ที่งานเลี้ยงว่า “ผมบอกเขาว่า ผมหวังว่าผีเสื้อที่สวยงามที่นี่จะโบยบินไปถึงเมืองเซินเจิ้น (เจ้าภาพ APEC ครั้งต่อไป) และร้องเพลงได้ด้วย”
บทสนทนานี้เปรียบเสมือนเรื่องเล่า ‘ผีเสื้อในความฝัน’ ของจวงจื่อ ที่ลอยอยู่เหนือเมฆ แต่บางส่วนตีความว่า หากแทนที่คำว่า ‘ผีเสื้อ’ ด้วย ‘กระแสเกาหลี’ (ฮันรยู) ก็จะเข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งสรุปได้ว่า “หวังว่า K-Pop จะได้ดังกึกก้องในเซินเจิ้น”
กระแสคาดหวังว่า ‘การแบนเกาหลี’ (ฮันฮันรยอง) ที่เคยกีดกันกระแสเกาหลีอย่างลับๆ จะถูกยกเลิกนั้น กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
ตลาดจีนนั้นมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ความต้องการ K-Pop ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงพุ่งสูง ตลาดบันเทิงจีนมีโรงละครขนาดใหญ่ที่รองรับผู้ชมได้กว่า 50,000 คนถึง 30 แห่ง หากมีการยกเลิกการแบนอย่างเป็นทางการ คาดว่าค่ายเพลง K-Pop จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นหลายแสนล้านวอนได้ ประเทศจีนเองก็คงไม่สามารถมองข้าม ‘K-Culture ที่ทำเงิน’ ไปได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับค่ายเพลงขนาดกลางและเล็กในเกาหลีนั้น การยกเลิกครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เนื่องจาก ‘ช่องทางทำเงิน’ ที่เคยมีทั้งในประเทศ ยุโรป อเมริกาเหนือ และทั่วเอเชีย กำลังจะเหือดหายไป การที่จีน ซึ่งเคยปิดกั้นมานาน กำลังจะเปิดอีกครั้ง จึงเป็นความหวังเดียว
แหล่งข่าวในวงการเพลงกล่าวว่า “จีนปิดมานานมาก จนอุตสาหกรรมจัดคอนเสิร์ตเกือบจะล้มละลาย การยกเลิกการแบนเกาหลีเป็นความหวังเดียวของค่ายเล็กๆ ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมเป็นช่วงนอกฤดูวางจำหน่ายอัลบั้มสำหรับศิลปินหน้าใหม่ แต่ทุกค่ายกำลังปล่อยอัลบั้มออกมา คาดว่าจีนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง”
แม้ว่า ‘การยกเลิกการแบนเกาหลี’ จะยังไม่ชัดเจน แต่หนึ่งในจุดที่ทำให้เกิดความคาดหวังคือ ราคาตัวของศิลปินในจีนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จีนได้จำกัดการเข้าประเทศของดาราต่างชาติ ไม่ใช่แค่เกาหลีเท่านั้น ทำให้คุณค่าความเป็นดาราของศิลปินจีนเองเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี 2016 ที่การแบนเริ่มขึ้น ราคาตัวของดาราจีนกินส่วนแบ่งถึง 70% ของต้นทุนการผลิต ซึ่งสูงเกินไปเมื่อเทียบกับค่าตัวนักแสดงในเกาหลีหรือฮอลลีวูดที่อยู่ราว 20-30%
แหล่งข่าวกล่าวเสริมว่า “ได้ยินมาว่า ดาราจีนที่ไม่มีฝีมือแต่ค่าตัวแพงมาก และมีพฤติกรรมที่เอาแต่ใจก็รุนแรง เกาหลีมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าและมีฝีมือโดดเด่น บางส่วนในจีนก็ต้องการให้ยกเลิกการแบนเกาหลี”
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียงอนาคตที่สดใสเท่านั้น ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา มีการพูดคุยกับจีนหลายครั้ง แต่การแบนก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะ K-Pop ที่เน้นอิสระและความเป็นตัวของตัวเอง กับระบอบคอมมิวนิสต์ที่เน้น ‘ความรักชาติ’ และ ‘ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน’ อาจขัดแย้งกัน ทำให้รัฐบาลจีนรู้สึกไม่สบายใจ
ตรรกะการควบคุมที่เข้มงวดของรัฐบาลจีนปรากฏชัดเจนในกรณีการควบคุมวัฒนธรรมแฟนคลับ K-Pop ในปี 2021 รัฐบาลจีนได้ดำเนินการ ‘ปฏิบัติการพิเศษชิงหลาง (淸朗)’ เพื่อควบคุม ‘เศรษฐกิจแฟนคลับ’ อย่างเข้มงวด เช่น การห้ามโหวตเสียเงินในรายการออดิชั่น และการห้ามประกาศอันดับความนิยมของดารา ขณะนั้นบัญชี Weibo ของแฟนคลับขนาดใหญ่ของไอดอลเกาหลีอย่าง BTS และ IU ก็ถูกระงับด้วยเหตุผล “การติดตามดาราอย่างไม่มีเหตุผล”
แหล่งข่าวในวงการบันเทิงกล่าวว่า “มีการพูดถึงทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ปลดล็อกเสียที สิ่งสำคัญคือการจัดคอนเสิร์ตที่มีผู้ชม 5,000 คนขึ้นไป ตอนนี้ยังมีการจัดแฟนมีตติ้งได้ในขอบเขตที่ไม่ใช่การร้องเพลง หวังว่าจะมีการยกเลิกการแบนเกาหลีอย่างยิ่ง แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนอยู่ไม่น้อย”
ชาวเน็ตเกาหลีแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย บางส่วนแสดงความหวังว่านี่จะเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้ K-Pop กลับไปสู่ตลาดจีนได้อีกครั้งหลังจากที่ถูกกีดกันมานาน อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็ยังคงระมัดระวัง โดยกล่าวว่า "ต้องรอดูต่อไป ยังเคยเจอแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว" และ "หวังว่าครั้งนี้จะไม่ใช่แค่ลมปาก"