ดารา 'Hidden Eye' ฉุนกึ้ก! จอมโจร โจ ดู-ซุน ลอยหน้าหน้าตาเฉย
รายการ 'Hidden Eye' ทางช่อง MBC Every1 เตรียมพาผู้ชมไปพบกับอาชญากรรมใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยมีพิธีกร คิม ซอง-จู ร่วมด้วย คิม ดง-ฮยอน, พัค ฮา-ซอน และ ซูยู.
ในช่วง 'สถานที่เกิดเหตุของ อี แด-อู' จะพาไปสำรวจการทำงานของตำรวจหน่วย 24 ชั่วโมงในการไล่ล่าอาชญากรผ่านเหตุการณ์จริง เริ่มจากอุบัติเหตุชนแล้วหนีที่เกิดขึ้นกลางดึก เมื่อตำรวจได้รับแจ้งและเข้าตรวจสอบ พบเพียงชิ้นส่วนกันชนหน้ารถ ต่อมาจากการสอบปากคำพยานและตรวจสอบกล้องหน้ารถ ผู้ต้องสงสัยก็ปรากฏตัวขึ้นเมื่อรถคันหนึ่งขับผ่านที่เกิดเหตุอย่างสบายใจ ตำรวจจึงระดมกำลังจากหลายหน่วยเพื่อติดตามจับกุม จนนำไปสู่การไล่ล่าสุดระทึกระหว่างคนร้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนในช่วง 'กฎอาชญากรรมของ ควอน อิล-ยง' จะเปิดเผยคำแก้ตัวอันหน้าด้านของ โจ ดู-ซุน อาชญากรข่มขืนเด็กที่พ้นโทษออกมา แต่กลับละเมิดคำสั่งศาล ห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาที่เด็กไปโรงเรียน โดยมีรายงานว่าเขาออกนอกเคหสถานถึง 4 ครั้งในปีนี้ สร้างความหวาดผวาให้กับคนในละแวกนั้น คิม ดง-ฮยอน ถึงกับระเบิดอารมณ์ว่า 'เหมือนจะไม่เคยกลัวกฎหมายเลย'
นอกจากนี้ ยังมีกรณีชายขับรถพุ่งชนโรงเรียนประถมจนประตูเสียหายและเด็กๆ เกือบได้รับอันตราย โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สิ่งที่พบในรถของชายคนดังกล่าวยิ่งน่าตกใจ ซูยู ถึงกับส่ายหน้าและถามว่า 'ยังไงก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่ดี ทำไมถึงต้องพูดแบบนั้น?'
ปิดท้ายด้วย 'Live Issue' ที่จะเจาะลึกคดีฆาตกรรมโหดในถังน้ำมันที่พัทยา เหยื่อเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ถูกฆ่าอย่างทารุณและนำไปทิ้งในถังน้ำมัน โดยมีการทำลายนิ้วมือทั้ง 10 ข้างและเทปูนทับเพื่ออำพรางศพ ทำให้ทั้งทางการเกาหลีและไทยต้องเร่งคลี่คลายคดีนี้ พบว่าเหยื่อคือชายชาวเกาหลีวัย 30 ปี ที่ถูกพบขึ้นรถกับชายที่ดูสนิทสนมหน้าคลับแห่งหนึ่งในพัทยา ตำรวจสงสัยรถทั้งสองคันที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อและรถที่พบถังน้ำมัน จนสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัย 3 คนเป็นชายชาวเกาหลี ซึ่งสารภาพว่าได้ทำร้ายเหยื่อจนเสียชีวิตและยังมีการกระโดดเหยียบศพอีกด้วย คิม ดง-ฮยอน แสดงความโกรธแค้นว่า 'สติไม่ดีแน่ๆ'
ติดตามเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจและเบื้องหลังคดีสุดโหดนี้ได้ในรายการ 'Hidden Eye' วันจันทร์ที่ 10 เวลา 20:30 น. ทางช่อง MBC Every1
ชาวเน็ตเกาหลีแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อพฤติกรรมของ โจ ดู-ซุน ที่ละเมิดกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายคนแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของสาธารณชน และเรียกร้องให้มีบทลงโทษที่เข้มงวดกว่านี้