
ช็อกโลก! 'กล้าแกร่ง' เผยคดีฆาตกรรมอำมหิต – ทรมานเหยื่อชายแก่ วางแผนชิงเงินประกัน!
รายการ 'นักสืบผู้กล้าหาญ ซีซั่น 4' ทางช่อง E채널 สร้างความโกรธแค้นให้ผู้ชมอีกครั้ง ด้วยการเปิดเผยคดีอาชญากรรมสุดโหด เมื่อฆาตกรวัย 70 ปี ก่อเหตุข่มขืนและฆาตกรรมหญิงชรา
ในตอนที่ 57 ของรายการ 'นักสืบผู้กล้าหาญ ซีซั่น 4' ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา ได้เชิญ พัค โน-ฮวาน อดีตหัวหน้าหน่วยสืบสวนนครบาลชอนันซอบุก, ยุน แว-ชุล อดีตผู้อำนวยการหน่วยนิติวิทยาศาสตร์ (KCSI) และ คิม จิน-ซู ผู้บังคับบัญชา มาเปิดเผยรายละเอียดการสืบสวนคดีที่สะเทือนขวัญ
คดีแรกที่นำเสนอเริ่มต้นจากภรรยาแจ้งความสามีหายตัวไปหลังจากไปพบเจ้าหนี้ โดยสามีไม่ได้กลับบ้านและขาดการติดต่อไป คู่นี้มีหนี้สินรวมกว่า 930 ล้านวอน ทั้งจากธุรกิจที่ล้มเหลวและเงินกู้นอกระบบ สามีทำงานในไซต์ก่อสร้างในเมืองอื่นและกลับบ้านเพียงสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง ก่อนจะหายตัวไปขณะไปพบเจ้าหนี้
รถยนต์ของสามีที่จอดไว้หายไป ทำให้คาดว่าถูกลักพาตัวไปพร้อมรถ แต่ก็ไม่สามารถติดตามเส้นทางการเดินทางได้ โทรศัพท์มือถือก็ดับไปทันทีหลังจากออกจากบ้าน แต่กลับไม่มีการติดต่อจากผู้ลักพาตัว และเจ้าหนี้ทั้ง 8 คนก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ พร้อมมีหลักฐานการอยู่ที่อื่นที่ชัดเจน
หนึ่งเดือนครึ่งหลังจากแจ้งความหายตัว พบรถยนต์ของสามีใกล้ห้างสรรพสินค้าหลังสถานีขนส่ง แต่ในท้ายรถกลับพบร่างของสามี!
ขณะที่ครอบครัวผู้สูญหายแสดงความกังวลอย่างยิ่ง กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จากภรรยา นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการทำประกันชีวิต 6 กรมธรรม์ ในชื่อของสามีเมื่อ 2 เดือนก่อนหายตัว โดยผู้รับผลประโยชน์คือแม่ยาย ซึ่งจะได้รับเงิน 1.1 พันล้านวอนหากสามีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทำให้ภรรยากลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ
จากการตรวจสอบประวัติการโทรและธุรกรรมทางการเงิน พบว่าภรรยาโทรศัพท์หาชายคนหนึ่งซึ่งอายุเท่ากันบ่อยครั้งก่อนและหลังสามีหายตัว และบันทึกการถอนเงินสดตรงกับการฝากเงินเข้าบัญชีของชายคนดังกล่าว
จากการสืบสวนพบว่าชายคนนี้คือชู้รักของภรรยา! ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่เคยเดินทางไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนด้วยกัน และอาศัยอยู่ด้วยกันในห้องเช่าก่อนสามีหายตัวไปเพียง 3 วัน สร้างความตกตะลึง
ในวันหายตัวของสามี ตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของชู้รัก (นายคัง ชื่อสมมติ) พบว่าโทรศัพท์และรถยนต์ของเขาไปปรากฏอยู่ที่อื่น ภรรยาเป็นคนพกโทรศัพท์ของนายคัง และมีคนขับรถของนายคังในพื้นที่อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น พบว่านายคังได้สะกดรอยตามสามีของภรรยาไปกับชายอีกคนในวันเดียวกันนั้น และยังมีการนำรถยนต์ของพ่อเลี้ยงของแม่ของนายคังมาใช้ด้วย สร้างความซับซ้อนในการปกปิดเส้นทางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ภรรยาและนายคังถูกจับกุมขณะอยู่ในห้องเช่าด้วยกัน และผู้สมรู้ร่วมคิดก็ถูกจับกุมเช่นกัน แม้ทั้งสามคนจะปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อหลักฐานปรากฏก็ยอมรับสารภาพ โดยเพื่อนของนายคังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือ คู่รักชู้เห็นมีแผนการจะย้ายไปนิวซีแลนด์ด้วยเงินประกันของสามี! พวกเขาวางแผนจะทำอุบัติเหตุรถยนต์หลอกลวงและใช้มีดแทงสามี แต่เมื่อแผนล้มเหลว ภรรยาก็ล่อสามีออกไปโดยอ้างว่าเจ้าหนี้นอกระบบมาข่มขู่ แล้วจึงลงมือตามแผนใหม่
นอกจากนี้ ยังพบว่าพวกเขาจงใจนำศพไปทิ้งไว้ในบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านหลังสถานีขนส่ง เพื่อให้มีคนพบเห็นและรีบแจ้งความ เพื่อจะได้รีบรับเงินประกัน ภรรยาถูกตัดสินจำคุก 22 ปี นายคังถูกจำคุก 22 ปี และผู้สมรู้ร่วมคิดถูกจำคุก 8 ปี
คดีต่อไปที่ KCSI นำเสนอ เริ่มต้นจากผู้ดูแลคนชราแจ้งว่าพบหญิงชราเสียชีวิตในบ้านพักเพียงลำพัง
หญิงชราที่นอนล้มอยู่บนพื้นห้องเล็กๆ สวมเสื้อกั๊ก แต่ไม่ได้สวมกางเกงใน สภาพกึ่งเปลือย มีรอยเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง และข้าวของกระจัดกระจาย ผู้ก่อเหตุได้ถอดกางเกงในของตนเองทิ้งไว้ สร้างความตกตะลึง
หญิงชราซึ่งอาศัยอยู่คนเดียว ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคพาร์กินสัน จนเดินแทบไม่ได้ จากการตรวจสอบกางเกงในที่พบ พบดีเอ็นเอชายที่ไม่ทราบชื่อติดอยู่ นอกจากนี้ ใบหน้าของหญิงชราถูกทำร้ายจนฟันหัก และมีกระดูกหักถึง 10 แห่ง รวมถึงมีหลักฐานการล่วงละเมิดทางเพศ
จากการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของคนในละแวกบ้าน แต่กลับไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่พบ
ด้วยการสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุต้องมีพาหนะในการเดินทาง เหล่าผู้สืบสวนจึงขอความร่วมมือจากคนขับแท็กซี่ จนได้รับแจ้งเบาะแสว่าพบผู้โดยสารชายท่าทางน่าสงสัยในระยะประมาณ 1 กิโลเมตรจากที่เกิดเหตุ
ผู้โดยสารชาย ซึ่งคาดว่าอายุราว 20 ปลายๆ ถึง 30 ต้นๆ มีเลือดแห้งกรังบนหน้าผาก และสวมกางเกงของผู้หญิงอย่างผิดปกติ คนขับแท็กซี่ให้การว่า ชายคนดังกล่าวลงจากรถในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ้างว่าจะไปกดเงินสด แต่กลับหลบหนีไป และจำเขาได้เพราะท่าทางแปลกประหลาด
ระหว่างการสืบสวนเชิงลึก พบรอยเลือดที่คาดว่าจะเป็นของผู้ก่อเหตุที่บริเวณลูกบิดประตูหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน และผลการวิเคราะห์ดีเอ็นเอจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรงกับดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุคือพนักงานบริษัทธรรมดาวัย 29 ปี
เมื่อถูกจับกุม ผู้ก่อเหตุให้การที่น่าตกใจว่า เหยื่อเป็นผู้หญิงวัย 40-50 ปี เขาอ้างว่าหลังจากดื่มเหล้ากับเพื่อนร่วมงานหลังพิธีจบการประชุม ตนเองก็จำอะไรไม่ได้และเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียว ได้เข้าไปในบ้านที่เปิดประตูทิ้งไว้ ทำร้ายผู้หญิงและถอดกางเกงของเธอออก
เขาเสริมอย่างหน้าไม่อายว่า "คงจะอยากข่มขืนล่ะสิ" เขาได้รับโทษจำคุก 9 ปี โดยคำนึงถึงภาวะทางจิตที่ลดลงและการประนีประนอมกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งยิ่งทำให้ทุกคนโกรธแค้น
ชาวเน็ตเกาหลีแสดงความรู้สึกเดือดดาลอย่างมากต่อคดีฆาตกรรมหญิงชรา โดยเฉพาะเมื่อผู้ก่อเหตุอ้างว่าจำอะไรไม่ได้และได้รับโทษเพียง 9 ปี ในขณะที่อีกคดีหนึ่ง การที่คู่รักชู้รักวางแผนฆ่าสามีเพื่อเอาเงินประกันและเตรียมย้ายไปต่างประเทศก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความโหดเหี้ยมและเห็นแก่ตัว