
‘บริษัทพายุ’ ปังไม่หยุด! อีจุนโฮ-คิมมินฮา ฝ่าวิกฤต ‘ติดสินบน 1 หมื่นดอลลาร์’ สุดระทึก!
ทีม ‘บริษัทพายุ’ นำโดย อีจุนโฮ (รับบท คังแทพุง) และ คิมมินฮา (รับบท โอมีซอน) ทุ่มสุดตัวทั้งกลางวันกลางคืน จนสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ อีชางฮุน (รับบท โกมาจิน) ในข้อหา ‘รับสินบน 1 หมื่นดอลลาร์’ ได้สำเร็จ! แผนการสุดฉลาดของ ‘แทพุง’ ที่พลิกคำให้การในชั้นศาล สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้ชมอย่างมาก
เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ละครดราม่าสุดสัปดาห์ทางช่อง tvN เรื่อง ‘บริษัทพายุ’ (กำกับโดย อีนาจอง, คิมดงฮวี / บทโดย จางฮยอน / วางแผนโดย สตูดิโอ ดรากอน / ผลิตโดย อิมเมจินัส, สตูดิโอ PIC, ทรีสตูดิโอ) ตอนที่ 9 ทำเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศ 7.3% และสูงสุด 8.5% ส่วนในเขตโซลทำเรตติ้งเฉลี่ย 7.9% และสูงสุด 9.1% ส่งให้ละครครองอันดับ 1 ในช่วงเวลาเดียวกันทุกช่อง รวมถึงฟรีทีวี และยังครองอันดับ 1 ในกลุ่มเป้าหมายอายุ 2049 ปีอีกด้วย โดยทำเรตติ้งเฉลี่ย 2% และสูงสุด 2.4% (อ้างอิงจากข้อมูล Nielsen Korea สำหรับแพลตฟอร์มแบบชำระเงิน เคเบิล, IPTV, และดาวเทียม)
โกมาจิน (อีชางฮุน) ถูกจับกุมเพียงเพราะให้เงิน 50 ดอลลาร์กับเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อเลี้ยงมื้อกลางวัน ทุกคนคาดว่าเขาคงจะพ้นผิดด้วยการขึ้นศาลแบบย่อและเสียค่าปรับ แต่เรื่องกลับพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน คำให้การของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่อ้างว่าได้รับเงินจากชาวเกาหลีหลังเลิกงานตอน 6 โมงเย็น ทำให้ยอดเงินกลายเป็น 1 หมื่นดอลลาร์ ทำให้ ‘บริษัทพายุ’ ตกเป็นศูนย์กลางของคดีสินบนระหว่างประเทศทันที การผ่านพิธีการศุลกากรของหมวกกันน็อคถูกระงับทั้งหมด และหากไม่สามารถชี้แจงได้ภายใน 48 ชั่วโมง หมวกทั้งหมดจะถูกทำลาย
คังแทพุง (อีจุนโฮ) และ โอมีซอน (คิมมินฮา) พบโกมาจินที่ห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง และให้กำลังใจเขาว่าจะหาทางแก้ไขให้ได้ โกมาจินเองก็พยายามทำเหมือนไม่เป็นไร และตะโกนบอกว่าไม่ต้องห่วง ในขณะที่ทั้งคู่ส่งต่อความห่วงใยให้กัน โกมาจินได้ยื่นโน้ตที่มีข้อความเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของการขาย เช่น ‘ลูกค้า, ยอดขาย, สต็อก’ ให้กับมีซอน โดยเขียนลงท้ายว่า ‘ผู้ส่ง: รุ่นพี่’ นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับมีซอนเป็นรุ่นน้องในสายงานขาย
เมื่อเห็นมีซอนที่รู้สึกซาบซึ้งใจในความรู้สึกนี้ แทพุงก็ได้ทบทวนถึง ‘หลักการพื้นฐานของเจ้านาย’ ที่ต้องปกป้องบริษัท แทพุงพร้อมกับมีซอน ได้เข้าพบนิฮากาม กรุ๊ป เพื่อขอโทษที่ไม่สามารถรักษาสัญญาการประชุม และขอโอกาสสุดท้ายอย่างจริงใจ โดยยอมรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
มีซอนได้ยกสำนวนสุภาษิตไทยที่ว่า ‘การถือของเน่าเสีย ดีกว่าการไม่ถืออะไรเลย’ เพื่ออธิบายว่า แม้สิ่งที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ แต่การได้มาบ้างย่อมดีกว่าไม่ได้อะไรเลย และยังเสนอเงื่อนไขว่าจะรับคืนสินค้าทั้งหมดหากขายไม่ได้ภายใน 6 เดือน
แม้จะพยายามเต็มที่แล้ว แต่ประธานนิฮากามก็ปฏิเสธการค้าขายกับบริษัทที่เสียความน่าเชื่อถือไปแล้วอย่างเย็นชา
อย่างไรก็ตาม นิชา (ดาบิกา ฮุนเน) ลูกสาวคนเล็กที่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อไป กลับชื่นชมในความจริงใจและวิสัยทัศน์ของแทพุง และมอบนามบัตรให้โดยบอกว่า “ถ้ามีไอเท็มดีๆ บอกด้วยนะ” แม้การซื้อขายจะล้มเหลว แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นไปได้
หลังวันที่แสนยากลำบาก ขณะเดินอยู่บนถนนยามค่ำคืนในประเทศไทย อารมณ์ของแทพุงและมีซอนก็เริ่มสั่นคลอน มีซอนสารภาพว่า แม้จะคิดถึงและเป็นห่วงครอบครัว แต่ก็รู้สึกเหมือนได้หายใจเต็มปอด
เป็นช่วงเวลาที่ความกดดันของ ‘พี่สาวคนโต’ ที่ต้องแบกรับภาระของครอบครัวนั้นรู้สึกได้ถึงกระดูก
แทพุงปลอบใจเธอด้วยความจริงใจว่า “คนเราจะดีตลอดเวลาก็ไม่ได้ คุณโอมีซอนเป็นคนที่เท่และสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา”
วินาทีนั้น สายตาของทั้งคู่สบกัน และความรู้สึกที่ไม่อาจเอ่ยออกมาก็ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป
แทพุงค่อยๆ เข้าไปหา มีซอน แต่ก่อนที่ริมฝีปากจะจรดกัน มีซอนก็ผลักเขาออกไปพร้อมกับบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา” จูบแรกของทั้งคู่จึงจบลงด้วยความผิดหวัง
ก่อนที่อารมณ์จะจางหายไป มีซอนก็นึกถึงข้อเท็จจริงสำคัญได้
จากคำสอนของประธานคัง (ซองดงอิล) ที่ว่า “บันทึกชัดเจนกว่าความทรงจำ” มีซอนที่บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยกล้องถ่ายรูประหว่างเดินทาง ก็จำได้ว่าเธอถ่ายรูปตอนที่โกมาจินเจอเหตุการณ์วันนั้นไว้ด้วย
ทันทีที่รู้ ทั้งคู่รีบไปยังร้านถ่ายรูปและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
การพิจารณาคดีจะมีขึ้นในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น การทำลายหมวกกันน็อคจะมีขึ้นในเวลา 16:00 น. และต้องมีการชี้แจงก่อนหน้านั้น
มีซอนซึ่งพยายามอย่างหนักก็ไปถึงร้านถ่ายรูปที่หามาได้ และใช้ภาษาไทยพื้นฐานที่เรียนรู้มาก่อน พร้อมทั้งเสนอค่าพิมพ์ภาพที่สูงถึง 6 เท่า และนาฬิกาเรือนสุดท้ายของแทพุง เพื่อให้การพิมพ์เสร็จสมบูรณ์ภายในตอนเช้า
เมื่อฟ้าสาง มีซอนก็นำภาพถ่ายที่ปริ้นท์เสร็จแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังศาล
แต่แล้วก็ต้องมาพบกับโชคร้ายอีกครั้ง
ขณะที่เธอกำลังวิ่ง ก็ชนกับคนเดินเท้า ทำให้ภาพถ่ายที่อุตส่าห์ปริ้นท์มาทั้งหมด ตกลงไปในแม่น้ำใต้สะพาน
ในขณะเดียวกัน การพิจารณาคดีของโกมาจินก็กำลังดำเนินไปในศาล
แทพุงยื่นเอกสารต่างๆ เช่น ใบขนส่งขาเข้า ใบเสนอราคา และสัญญาซื้อขาย พร้อมทั้งโต้แย้งว่าราคาหมวกกันน็อคที่กำลังจะทำการซื้อขายนั้นไม่ถึงหนึ่งหมื่นดอลลาร์ ทำให้ยอดเงินสินบนไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สถานการณ์เริ่มเสียเปรียบเพราะไม่มีหลักฐานโดยตรง ทันใดนั้น มีซอนก็วิ่งเข้ามาในห้องพิจารณาคดีด้วยท่าทางหอบเหนื่อย เหงื่อท่วมตัว
ในมือของเธอไม่ใช่รูปถ่าย แต่เป็นฟิล์ม
แทพุงรีบใช้ความคิดอีกครั้ง และใช้ไหวพริบที่เหนือชั้น
เขาดับไฟในห้องพิจารณา และใช้ไฟฉายฉายภาพจากฟิล์มลงบนผนังสีขาว
ภาพทิวทัศน์ท่าเรือที่ถูกส่องด้วยแสงอาทิตย์ พร้อมกับวันที่และช่วงเวลาที่ถ่าย รวมถึงฉากที่โกมาจินกำลังยื่นบุหรี่ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร ก็ปรากฏขึ้น
เป็นช่วงเวลาที่พลิกคำให้การที่ว่าได้รับเงิน 1 หมื่นดอลลาร์ในช่วงเย็นได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจ!
ตอนที่ 10 ของ ‘บริษัทพายุ’ จะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 9 เวลา 21:10 น. ทางช่อง tvN
ชาวเน็ตเกาหลีต่างชื่นชมความเฉลียวฉลาดของตัวละครคังแทพุงที่พลิกสถานการณ์ได้ในนาทีสุดท้าย “ฉลาดมาก! คังแทพุงคืออัจฉริยะทางการค้าจริงๆ” พร้อมทั้งแสดงความเห็นใจต่อโอมีซอนที่ต้องเผชิญอุปสรรคมากมาย “เห็นใจโอมีซอนมาก สู้ๆ นะคะ!” โดยเฉพาะฉากที่เกือบจะจูบกันแต่ก็ต้องหยุดไว้ ทำให้หลายคนลุ้นไปตามๆ กัน “เมื่อไหร่จะสมหวังกันสักทีคะ!”