คัง จอง-โฮ เปิดใจถึงอุบัติเหตุที่พลิกชีวิต สารภาพ "อาจตายไปแล้วถ้าไม่มีเรื่องนั้น"
อดีตผู้เล่นเมเจอร์ลีก คัง จอง-โฮ ได้ย้อนรำลึกถึงเส้นทางอาชีพนักเบสบอลและชีวิตหลังจากนั้นผ่านช่อง YouTube ส่วนตัว '강정호_King Kang' เขาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า "ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น ฉันอาจจะตายไปแล้ว" พร้อมยอมรับความผิดพลาดในอดีตและสารภาพว่าประสบการณ์นั้นได้เปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดกาล
คัง จอง-โฮ ยกให้ช่วงเวลาที่เล่นให้กับทีม Nexen Heroes (ปัจจุบันคือ Kiwoom Heroes) เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพ "ช่วงสุดท้ายกับ Heroes ทุกอย่างยอดเยี่ยมมาก ทั้งทีม ผลการแข่งขัน และสถิติส่วนตัว มันสมบูรณ์แบบ ฤดูกาลที่มองไปยังอเมริกาคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต" เขากล่าวถึงความทรงจำ
ในปี 2014 เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน KBO และเป็นนักตีชาวเกาหลีคนแรกที่ได้ไปเล่นในเมเจอร์ลีกโดยตรง
เมื่อย้ายไปเล่นให้กับ Pittsburgh Pirates เขาได้เป็นผู้เล่นตัวหลักตั้งแต่ฤดูกาลแรก และติดอันดับ 3 ในการโหวตตำแหน่งผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (NL Rookie of the Year) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักเบสบอลตำแหน่งอินฟิลด์ชาวเอเชีย อย่างไรก็ตาม อาชีพของเขาต้องตกต่ำลงอย่างรวดเร็วหลังเกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับขณะเดินทางกลับประเทศในปี 2016
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ย่านกังนัม กรุงโซล โดยรถของเขาได้ชนกับรถยนต์คันหน้าที่กำลังขับอยู่และพุ่งชนแผงกั้นข้างทางก่อนจะขับหลบหนีไป ขณะเกิดเหตุมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 0.084% ซึ่งเป็นระดับที่ต้องถูกพักใบอนุญาต และนี่เป็นการถูกจับครั้งที่ 3 ในคดีเมาแล้วขับ
คัง จอง-โฮ เล่าถึงช่วงเวลาในเมเจอร์ลีกว่า "ฉันใช้ชีวิตอยู่กับการแข่งขันทุกวัน ความกดดันที่ต้องทำผลงานให้ดีมันมากเกินไป และเป็นนักกีฬาที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง" เขาสารภาพ "เอาจริงๆ นะ ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น ฉันคงจะดิ่งลงไปสู่จุดที่ต่ำกว่านี้อีก เรื่องนั้นทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป"
หลังจากนั้น มุมมองของเขาต่อผู้คนก็เปลี่ยนไป "เมื่อก่อน ฉันคิดว่าการประเมินค่าคนขึ้นอยู่กับผลลัพธ์เท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันมองที่กระบวนการมากขึ้น คำพูดที่ฉันชอบตอนนี้คือ 'ปฏิบัติต่อผู้คนอย่างสุภาพ'" เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ปัจจุบัน คัง จอง-โฮ เปิดแคมป์สอนเบสบอลอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่เขายังคงมีความหลงใหลในเกมการแข่งขัน "ฉันกำลังจะไปทดสอบการคัดเลือกอีกครั้ง อยากสัมผัสความตึงเครียดของการแข่งขันและเสียงเชียร์อีกสักครั้ง เบสบอลคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉัน และมันยังคงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันก้าวต่อไป" เขากล่าวเสริม
ชาวเน็ตเกาหลีแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางส่วนกล่าวว่า "ดีใจที่เขากลับมาได้" และ "หวังว่าเขาจะใช้ประสบการณ์นี้เป็นบทเรียน"