
K-Content ปลุกกระแส! ซีรีส์ OTT เปิดโปงความโหดร้ายของญี่ปุ่นยุคอาณานิคม
คอนเทนต์เกาหลี (K-Content) กำลังทำหน้าที่อีกครั้งในการเปิดเผยความโหดร้ายของจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นให้ทั่วโลกได้รับรู้ ผ่านแพลตฟอร์ม OTT ยอดนิยม
ซีรีส์แอนิเมชันของ Netflix เรื่อง ‘K-pop Demon Hunters’ (ชื่อไทย: เคเด헌) ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างไม่คาดคิด เมื่อผู้ใช้ TikTok ชาวต่างชาติคนหนึ่งได้โพสต์วิดีโอที่ระบุว่า “หลังจากดู ‘เคเด헌’ และค้นคว้าประวัติศาสตร์เสือ ฉันก็รู้ว่าญี่ปุ่นได้ทำลายเสือทุกตัวในเกาหลีจนสูญพันธุ์เมื่อศตวรรษที่แล้ว”
วิดีโอดังกล่าวได้รับยอดวิวถึง 1.2 ล้านครั้ง และยอดไลก์ 180,000 ครั้ง พร้อมความคิดเห็นกว่า 2,000 รายการ ทำให้ประวัติศาสตร์ในอดีตของญี่ปุ่นถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง
ในช่วงที่คาบเกี่ยวกับการยึดครองของญี่ปุ่น (Japanese colonial era) ญี่ปุ่นได้กำหนดให้เสือเกาหลีเป็น ‘สัตว์รบกวน’ (해수) และดำเนินการล่าอย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี 1917 ส่งผลให้เสือเกาหลีเกือบสูญพันธุ์
ศาสตราจารย์ ซอ กยอง-ด็อก แห่งมหาวิทยาลัยซองชิน กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประวัติศาสตร์การกระทำผิดของญี่ปุ่นถูกเปิดเผยไปทั่วโลกผ่าน OTT”
ก่อนหน้านี้ ซีรีส์ออริจินัลของ Apple TV+ เรื่อง ‘Pachinko’ ได้นำเสนอเรื่องราวความเจ็บปวดของชาวเกาหลีในช่วงยุคอาณานิคมญี่ปุ่น ทั้งการเกณฑ์แรงงานบังคับและประเด็น “หญิงบำเรอ” (comfort women) เพื่อถ่ายทอดประวัติศาสตร์การกระทำผิดของญี่ปุ่นให้กับผู้ชมทั่วโลก
นอกจากนี้ ละครของ Netflix เรื่อง ‘Gyeongseong Creature’ ยังย้อนไปในปี 1945 ในยุคที่เกาหลีถูกยึดครองโดยญี่ปุ่น และได้นำเสนอการทดลองอันโหดร้ายของหน่วย 731 ของกองทัพญี่ปุ่น
ศาสตราจารย์ ซอ กล่าวเสริมว่า “ผมหวังว่าในอนาคต K-Content ที่หลากหลายจะแพร่หลายไปทั่วโลก เพื่อให้ประวัติศาสตร์ของเอเชียได้รับการบอกเล่าอย่างถูกต้องแก่ผู้คนทั่วโลก”
กรณีเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เพียงความสำเร็จด้านรายได้ แต่ยังแสดงให้เห็นว่า K-Content ได้กลายเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ พลังของคอนเทนต์กำลังแก้ไขการบิดเบือนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของผู้คนทั่วโลก
ศาสตราจารย์ ซอ กยอง-ด็อก เป็นที่รู้จักในฐานะนักวิชาการที่อุทิศตนเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เกาหลีไปทั่วโลก เขาได้ร่วมมือกับคนดังและองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างเนื้อหาที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลี
งานของเขามักจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขความเข้าใจผิดและข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีที่เกิดขึ้นในสื่อต่างประเทศ
เขาเชื่อมั่นในพลังของวัฒนธรรมร่วมสมัย เช่น K-pop และ K-drama ในการเป็นสื่อกลางในการสื่อสารประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม